จากการที่ผมคลุกคลีอยู่กับกับระบบนี้ในฐานะวิทยากรและที่ปรึกษา
มีโอกาสได้ให้ความรู้และวางระบบให้กับหลาย องค์กร
มีทั้งองค์กรที่นำไปใช้แล้วประสบความสำเร็จ และ องค์กรที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง
สาเหตุที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ ในการใช้งานระบบ แตกต่างกันไป
ผมจึงได้ข้อสรุป ตามที่เคยเกริ่นให้ฟังแล้วว่า
การทำระบบประเมินผลงาน ฐาน KPI ให้ประสบความสำเร็จ
ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ อย่างแท้จริง
------------------------------------------------------------------
วันนี้จึงขอสรุปเป็นข้อๆถึงกระบวนการ ในการทำระบบประเมินผลงาน ฐาน KPI
ให้ประสบความสำเร็จ โดยจะเริ่มกันในเรื่องของ>>ศิลปะ<<ในการทำระบบกันก่อน ดังนี้
-------------------------
ประการที่ 1. สิ่งแรกที่องค์กรควรจะคำนึง ก่อนจะตัดสินใจทำระบบ คือ
>สถานการณ์ขององค์กรเป็นอย่างไร
1.1 สถานการณ์ด้านธุรกิจขององค์กร (ควรทำ KPI ให้ถูกกาลเทศะ จังหวะเวลา)
>>>การทำระบบประเมินผลไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
ไม่ได้ช่วยแก้วิกฤติด้านผลประกอบการ ในระยะสั้น
แต่เป็นการพัฒนาระบบบริหารงานบุคลให้เป็นมาตรฐาน
มีเป้าหมายแต่ละส่วน ชัดเจน
ช่วยสะท้อน ว่าส่วนไหน สำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่
และเมื่อผลการประเมินออกมา
ก็นำไปใช้ในฐานในระบบอื่นๆ เช่น การจ่ายผลตอบแทน,
การพัฒนาระบบการทำงาน , การพัฒนาคน ฯลฯ
หากอยู่ในภาวะวิกฤติ ด้านผลประกอบการ
แล้วเอา KPI เข้ามาจับแบบรวบรัด รีบเร่ง
อาจทำให้สภาวะการทำงานที่ตึงเครียดหนัก
อาจเกิดผลลบมากกว่าบวก
ถ้าวิกฤติ สิ่งที่ต้องทำคือเรื่อง กลยุทธ์,
การกำหนดเป้าหมาย และจัดทำแผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์
----------------------------
1.2 ความสัมพันธ์ของคนในองค์กร บรรยากาศการทำงานร่วมกัน
และ ความศรัทธาในตัวผู้บริหารระดับสูงหรือระดับรองลงมา
>>> หากองค์กรมีปัญหาเรื่องความรักความสามัคคี
บรรยากาศการทำงาน แบบไม่เป็นมิตร
ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและบริษัทมีปัญหา
การที่จะนำระบบประเมินผลเข้ามาแบบ มาเร็วเคลมเร็ว
แบบนี้อันตราย ทุกท่านคงเดาได้ว่า พนักงานจะเข้าใจว่าอย่างไร
ถูกต้องแล้วครับ ..เข้าจะคิดว่าเอาระบบมาเพื่อจับผิด
จะเกิดการต่อต้าน ไม่ร่วมมือ และก็นำไปสู่ความล้มเหลวของการทำระบบ
--------------------------------------------------
ประการที่ 2 อย่าทำแค่ระบบประเมินผลงาน
>>การทำระบบบริหารผลงาน (Performance Management Systems)
ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆคือ
- การกำหนดเป้าหมาย / Goal Setting
(Vision, Mission, Value, Strategy, Goal)
- การจัดทำแผนปฏิบัติการ / Action Plan
(ทำแผนงานร่วมกันทั้งองค์กร และบริหารทรัพยากร)
- กระประเมินผลงาน / Performance Appraisal
(รวมถึงการติดตามผลงาน สะท้อนผลงาน)
หัวใจสำคัญคือ ไม่ควรลัดขั้นตอน โดยเฉพาะ
จำเป็นต้องทำการกำหนดเป้าหมาย ที่ถูกต้องตามกระบวนการ
เพราะการกำหนดเป้าหมาย คือการการออกแบบเป้าที่เหมาะสม
และกระจายสู่หน่วยงานและบุคลากร อย่างมีเหตุมีผล
เรื่องไหนควรให้หน่วยงานไหนรับผิดชอบร่วมกัน
จะมีส่วนร่วมมากน้อยในแต่ละหน่วยงาน ก็ว่ากันในรายละเอียดต่อไป
เรื่องไหนควรเป็นเป้าทีม เรื่องไหนเป็นเป้าส่วนตัว
เพราะถ้าขาดกระบวนการนี้ แล้วข้ามไปทำระบบประเมินเลย
อาจก่อให้เกิดปัญหา ทีมแตก องค์กรพัง เนื่องจาก
เกิดอาการ แต่ละคนมุ่งทำแต่ผลงานตัวเอง ซึ่งไม่สอดคล้องกัน
และที่สำคัญ ผลงานรายบุคคลดีเยี่ยม แต่องค์กรไม่ถึงเป้า
ซึ่งแบบนี้เจอมาเยอะมาก
และที่ต้องเน้นมากๆ คือ หากองค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จ
ในด้านผลประกอบการ เติบโต ยั่งยืนแล้ว
เรื่อง ของการจัดทำแผนปฏิบัติการ หรือ Action Plan นั้นถือว่าสำคัญที่สุด
เพราะถึงจะกำหนดเป้าอย่างดี มีระบบประเมินผลยอดเยี่ยม
ถ้าไม่ทำ Action Plan ก็มีโอกาสพลาดเป้าได้สูงมาก
เพราะหลักจริงๆที่เราทำ Goal Setting ก็เพื่อ
เป็นเป้าหมาย เพื่อหาทางให้องค์กรบรรลุเป้า
ส่วนการประเมินเป็นการตรวจสอบว่าถึงเป้าหรือไม่อย่างไร
ใครทำงานได้ตามเป้า ต่ำกว่าเป้า ดีกว่าเป้า
หรือใช้เป็นข้อมูลเพื่อระบบอื่นต่อไป
----------------------------------------------------
ประการที่ 3 สร้างความยอมรับ เห็นพ้องต้องกัน ก่อนออกแบบระบบ
>>>เรื่องนี้สำคัญมากๆ ก่อนทำระบบ ต้องมีการสร้างความเข้าใจและยอมรับ
ในสถานการณ์ความจำเป็นขององค์กร ที่ต้องนำระบบนี้เข้ามาใช้
ว่าเราจำเป็นต้องใช้ระบบนี้ เพื่ออะไร ทำๆไม ก่อนจะไปว่ากันทีหลังเรื่องทำอย่างไร
ซึ่งควรต้องทำความเข้าใจ ตกลงปลงใจกับ ผู้บริหาร ผู้จัดการ
ถ้าได้ถึงระดับหัวหน้างานด้วยก็แจ๋ว
โดยเฉพาะ องค์กรเถ้าแก่ ที่มี พี่ๆน้องๆ เครือญาติมาช่วยกันบริหาร
หรือคนเก่าคนแก่ ที่ดูเหมือนมีสิทธิพิเศษ ทำตัวสบายๆ มาช้านาน
ผู้บริหารต้อง เคลียร์กันให้ลงตัวก่อน ตกลงกันให้ชัดเจนว่าทุกคนต้องช่วยกัน
ต้องปรับตัว และทำเป็นตัวอย่างให้พนักงานเห็น
หรือถ้าปรับไม่ได้จริงๆ ก็ต้องจัดที่จัดทาง วางตำแหน่งคนเหล่านี้ให้เหมาะสม
หรือไม่ก็ หาคำอธิบายหรือ หรือกฎระเบียบรอบรับที่ชัดเจน
ให้พนักงานทั่วไปเข้าใจ และไม่รู้สึกว่า
ทำไมคนกลุ่มนี้ ไม่อยู่ในเงื่อนไขเดียวกัน
เช่น คนเก่าคนแก่ ที่ร่วมกันก่อร่างสร้างตัว มาตั้งแต่ Gen 1 รุ่นก่อตั้ง
ทุกวันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่เงินเดือนเยอะมาก
ก็ต้องให้คนอื่นเข้าใจว่า ที่บริษัทดูแลเป็นพิเศษ เพราะเหตุผลอะไร
อธิบายให้เคลียร์ อย่าแอบๆ ทำให้ชัดเจน เชื่อเถอะครับทุกคนเข้าใจ
หรือไม่ก็ แยกสถานะ หรือตำแหน่งให้ชัดเจน ไม่เป็นที่สับสน
อีกกรณีหนึ่งคือ องค์กร ที่ HR อยากจะพัฒนาระบบประเมินผล
แต่เบอร์หนึ่งขององค์กร ยังไม่อิน ไม่เห็นสนับสนุนเต็มที่ให้ทำระบบ
แบบนี้คงไม่ต้องพูดต่อว่า จะสำเร็จหรือไม่
----------------------------------------------------
ประการที่ 4 ค่อยๆปรับใช้ระบบไปทีละขั้น ไม่รวบรัดเกินไป
>>>>เวลานำระบบไปใช้ ต้องค่อยปรับเปลี่ยน แล้วดูอาการกันไป
เช่นปีแรก ทำประเมินแค่ระดับผู้จัดการก่อน ให้เข้าใจ
เจอปัญหาก็ปรับแก้ไขกันไป ให้ระบบเข้าที่เข้าทาง
หรือถ้ามีความพร้อมจริงๆ ก็ใช้กับหัวหน้างานด้วยก็ได้
แต่ไม่แนะนำให้ทำระบบประเมินพร้อมกันทั้งหมด
ตั้งแต่ผู้บริหารลงไปถึงระดับปฏิบัติการ
เพราะถ้าเกิดปัญหา ผู้จัดการก็ยังไม่เคลียร์ในระบบ
หัวหน้างานก็ตอบปัญหาการประเมินไม่ได้
แบบนี้ พังเอาง่ายๆ
และเวลานำไปปรับเงินเดือน และโบนัสในปีแรกๆ
อาจยังไม่อ้างอิงผลประเมินมากนัก เช่น 30% หรือ 50% ก็ว่าไป
และก็ยังปนด้วยเรื่องพฤติกกรม หรือ กฎระเบียบไปก่อน
เหมือนระบบเดิมๆ ที่องค์กรเคยทำๆกันอยู่
แต่ต้องสร้างความเข้าใจ และบอกเป็นนโยบายไว้ล่วงหน้าเลย
ว่า เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ในอนาคตเราจะอ้างอิง
ผลการประเมิน ที่ชัดเจน จากผลงานตัวเลขมากขึ้น
เพื่อให้ทุกคนมีเวลาปรับตัว
------------------------------------------
ทั้งหมดที่ว่ามา 4 ข้อ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง
ของศิลปะการทำระบบประเมินผลงาน
ส่วนเรื่องของศาสตร์ มีรายระเอียดมากมาย
คงต้องค่อยๆเล่าให้ฟังกันในคราวต่อๆไป
หรือติดตามบทความเก่าๆ ใน Face Book , ใน Web site
หรือ ดู VDO ที่ผมบรรยายใน อัพโหลดใน You tube ก็ได้ครับ
แล้วคุยกันใหม่ครับ
|